
Post Modern คือ
ในยุคปัจจุบันมีนักคิดแนวโพสต์โมเดิร์น / หลังทันสมัยพัฒนากระบวนขึ้นใหม่ ได้แก่ Michel Foucault (มิเชล ฟูโก) Jacques Derrlda (แดร์ริดา) Lyotard (ลีโอทาร์ด) ทั้ง 3 ท่านเป็นนักคิดส่วนหนึ่งของโพสต์โมเดิร์น ที่มีอิทธิพลต่อข้อวิจารณ์ต่างๆ จุดรวมใหญ่ทั้ง 3 ท่าน มี 3 จุด คือ
1. เชื่อว่าความจริงในโลกที่มีลักษณะหลากหลาย และกระจัดกระจาย เชื่อมสื่อดั่งเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือสังคมมีลักษณะ "ล้ำความจริง" เช่น ชาวเขาจะมีความจริงที่ไม่เหมือนชาวเมือง คือชาวเขาจะรักธรรมชาติมากกว่าชาวเมือง ชาวเมืองจะรักธรรมชาติน้อยกว่าชาวเขา (สภาพวัตถุมากกว่าชาวเขา) ขึ้นอยู่กับว่าวาทกรรมทางการผลิตของใครมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน เช่น ถ้าชาวเขามีหัวหน้าเผ่า หัวหน้าชุมชนที่รักธรรมชาติ เขาก็จะใช้ชุดความคิด วาทกรรมการครอบงำให้ลูกบ้านเอาเยี่ยงอย่างเขา ส่วนในเมืองการรักธรรมชาติเป็นเพียงวาทกรรมที่ทำให้เขารู้สึกว่าธรรมชาติ คือ สถานที่ผ่อนคลายจากงานการ
2. มนุษย์ไม่สามารถวิเคราะห์ทำความจริงแบบ objective วัตถุวิสัยได้ คือ จะเน้นที่วิธีการทำให้จริงและไม่จริง ถ้าเราใช้ทฤษฎีแบบใหม่ที่พยายามอธิบายสังคม เราไม่สามารถหาทางเลือกที่แตกต่างจากระบบปัจจุบันได้ เพราะทุกทางเลือกที่อ้างว่าใหม่มีลักษณะเหมือนระบบเดิม คือ พยายามเผด็จการทางความคิดอย่างชัดเจน
3. ชนชั้นไม่สำคัญ ความขัดแย้งทางชนชั้นลดลง เน้นผู้บริโภคแบบปัจเจกชน แทนผู้ผลิตแบบชนชั้น โดยดูจากแมกซ์ เวเบอร์(Max Weber) นักสังคมศาสตร์ชาวเยอรมัน ให้ค่าการบริโภคของคนแต่ละคนทำให้เขามีศักยภาพขึ้นมาได้ หมายถึง รวมความต่อการบริโภคสัญญะของสินค้า-ศิลปะ ง่ายต่อการเข้าถึง ดังนั้น ปัจเจกชนที่มีความคิดอย่างแรงกล้าย่อมทำอะไรด้วยความปรารถนาที่มีพลังมหาศาล
กระแสโพสต์ โมเดิร์น มีอิทธิพลต่อนักเขียนวรรณกรรม คนรุ่น 2000 อย่างไร?
กระแสโพสต์ โมเดิร์น มีอิทธิพลต่อนักเขียนวรรณกรรม คนรุ่น 2000 อย่างไร?
... โพสต์ โมเดิร์น มีลักษณะเป็นความสงสัยต่อสิ่งที่สลับซับซ้อน จนคุณพจนา จันทรสันติ(กวี นักแปล นักเขียนร่วมสมัย) เตือนว่าควรสงสัยพร้อมกับค้นหาความจริง คนรุ่นใหม่หลายคนอาจคิดไปว่า คือ การสร้างจินตนาการใหม่ๆต่อสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ การขบฏต่อสิ่งเดิมๆ กรอบเดิมๆ ไม่สนใจการเมืองแบบซ้ายหรือขวา จะเห็นได้ว่าภาวะทุนนิยมผลักไสไล่ส่งจากครอบครัวชาวบ้านไปสู่ภาวะปัจเจกที่สนใจต่อสิ่งแคบๆรอบตัว
แต่เมื่อเราดูงานเขียนที่มีอิทธิพลต่อคนรุ่นใหม่ เช่น โน้ต อุดม แต้พานิช(นักเขียน แนวขยะวรรณกรรม) ถึง ปราบดา หยุ่น(นักเขียนรางวัลซีไรต์) อย่างงาน โทษฐานที่รู้จักกัน ของโน้ต จะมีการใช้การเล่นคำ การให้ความหมายต่อสิ่งหนึ่งและแก้ปัญหาโดยนำความหมายอีกแบบหนึ่งมาแก้ปัญหา ซึ่งเราอาจจะเรียกว่าความคิดเชิงบวก เช่นตอนหนึ่งในกตัญญู กตเวทิตีนที่ว่า "เจ้าของส่วนใหญ่มักทำให้ตีนน้อยใจในขณะอาบน้ำ...ไหนๆก็มีตีนเป็นของตนเองแล้ว กะอีแค่รักษาเอาไว้เอาใจใส่กับมันสักนิด...คุณรัจักและสนิทสนมกับตีนดีแล้วคุณจะไม่โกรธเลย ถ้ามีใครด่าคุณว่าไอ้หน้าส้นตีน"
ปราบดา หยุ่น ก็ใช้วิธีการเขียนที่ฮิวเมอริสต์ คือ ครูอบ ไชยวสุ สร้างรูปแบบการใช้ความคิด "ขบคิด" และ "ขันเงียบ" ประชดประชันซึ่งคุณภาพดังกล่าวห่างหายไปนานในแวดวงวรรณกรรม นักเขียนรุ่นดังกล่าวก็มีที่มามิใช่จากแนวคิดโพสต์ โมเดิร์นเสมอไป แล้วนิตยสารที่ชื่อ POMO ของเสี้ยวจันทร์ แรมไพร ที่เน้นชีวิตเล็กๆ ของศิลปินหาตัวจับยาก เช่น พราย ปฐมพร ปฐมพรมาเป็นหน้าปกจะว่าไปแล้วจุดยืนของหนังสือดังกล่าว ก็ไม่ต่างอะไรกับหนังสือวัยรุ่น แต่เป็นฉบับที่นักเขียนเคยสนใจต่อเหตุการณ์ทางการเมืองมาก่อนจึงมีภาพลักษณ์อีกชนิดหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ตามนักเขียนแนวสังคมนิยม อย่างกุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือศรีบูรพา หรือแนวค้นหาความจริงเช่น คมทวน คันธนู, มานพ ถนอมศรี, ก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ ขึ้นกับว่าประสบการณ์ในการศึกษาในการทำกิจกรรมของนักศึกษาก็เป็นส่วนหนึ่งในการผลักเขาเข้าหรือออกจากโลกแห่งความจริงในตัวหนังสือ
แต่เมื่อเราดูงานเขียนที่มีอิทธิพลต่อคนรุ่นใหม่ เช่น โน้ต อุดม แต้พานิช(นักเขียน แนวขยะวรรณกรรม) ถึง ปราบดา หยุ่น(นักเขียนรางวัลซีไรต์) อย่างงาน โทษฐานที่รู้จักกัน ของโน้ต จะมีการใช้การเล่นคำ การให้ความหมายต่อสิ่งหนึ่งและแก้ปัญหาโดยนำความหมายอีกแบบหนึ่งมาแก้ปัญหา ซึ่งเราอาจจะเรียกว่าความคิดเชิงบวก เช่นตอนหนึ่งในกตัญญู กตเวทิตีนที่ว่า "เจ้าของส่วนใหญ่มักทำให้ตีนน้อยใจในขณะอาบน้ำ...ไหนๆก็มีตีนเป็นของตนเองแล้ว กะอีแค่รักษาเอาไว้เอาใจใส่กับมันสักนิด...คุณรัจักและสนิทสนมกับตีนดีแล้วคุณจะไม่โกรธเลย ถ้ามีใครด่าคุณว่าไอ้หน้าส้นตีน"
ปราบดา หยุ่น ก็ใช้วิธีการเขียนที่ฮิวเมอริสต์ คือ ครูอบ ไชยวสุ สร้างรูปแบบการใช้ความคิด "ขบคิด" และ "ขันเงียบ" ประชดประชันซึ่งคุณภาพดังกล่าวห่างหายไปนานในแวดวงวรรณกรรม นักเขียนรุ่นดังกล่าวก็มีที่มามิใช่จากแนวคิดโพสต์ โมเดิร์นเสมอไป แล้วนิตยสารที่ชื่อ POMO ของเสี้ยวจันทร์ แรมไพร ที่เน้นชีวิตเล็กๆ ของศิลปินหาตัวจับยาก เช่น พราย ปฐมพร ปฐมพรมาเป็นหน้าปกจะว่าไปแล้วจุดยืนของหนังสือดังกล่าว ก็ไม่ต่างอะไรกับหนังสือวัยรุ่น แต่เป็นฉบับที่นักเขียนเคยสนใจต่อเหตุการณ์ทางการเมืองมาก่อนจึงมีภาพลักษณ์อีกชนิดหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ตามนักเขียนแนวสังคมนิยม อย่างกุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือศรีบูรพา หรือแนวค้นหาความจริงเช่น คมทวน คันธนู, มานพ ถนอมศรี, ก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ ขึ้นกับว่าประสบการณ์ในการศึกษาในการทำกิจกรรมของนักศึกษาก็เป็นส่วนหนึ่งในการผลักเขาเข้าหรือออกจากโลกแห่งความจริงในตัวหนังสือ
อ้างอิง
เมื่อ Marxist ปะทะ Post Modern!!!อิทธิพลแนวคิดต่อขบวนการภาคประชาชนชัยนรินทร์ กุหลาบอ่ำนักวิชาการอิสระ
หมายเหตุ: บทความทางวิชาการชิ้นนี้เผยแพร่บนเว็ปไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน วันที่ ๑๖ เมษายน ๔๘
หมายเหตุ: บทความทางวิชาการชิ้นนี้เผยแพร่บนเว็ปไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน วันที่ ๑๖ เมษายน ๔๘
1. การปฏิเสธศูนย์กลาง ซึ่งก็คือ การปฏิเสธอำนาจครอบงำ เน้นชายขอบซอกมุม เพื่อปลดเปลื้องการครอบงำทางเวลา เทศะและอัตลักษณ์ที่ยังหลงเหลืออยู่ ดังปรากฏในสถาปัตยกรรมจำนวนมากที่เลิกเน้นศูนย์กลาง
2. การปฏิเสธความเป็นเอกภาพ หรือ องค์รวม ภาพเขียนหรือสถาปัตยกรรมจึงไม่จำเป็นต้องจบสมบูรณ์ อาจเป็นหลายเรื่องซ่อนเร้นกัน
3. Post modern คัดค้านโครงสร้าง ระเบียบ ลำดับ ไม่ยึดติดกับโครงสร้างเพราะถือได้ว่าเป็นแนวคิดหลังโครงสร้างนิยม
4. Post modern ปฏิเสธจุดเริ่มต้น จึงปฏิเสธประวัติศาสตร์แต่โหยหาอดีต เนื่องจากความไม่มั่นคงทางอัตลักษณ์ อดีตของพวกเขาไม่ใช่ประวัติศาสตร์ แต่เป็นการทำลายประวัติศาสตร์เพราะมันถูกนำมาอยู่ในปัจจุบันหรือหลุดไปจากบริบทอย่างสิ้นเชิงความคิดโพสต์โมเดิร์นเป็นทั้งการวิพากษ์และการตั้งคำถามที่มีต่อโลกแบบโมเดิร์นของตะวันตก ซึ่งมองว่าการสร้างสังคมสมัยใหม่ของโลกตะวันตกที่ได้กำเนินมานั้นไม่ได้พัฒนาความสุข การหลุดพ้น หรือชีวิตที่เป็นเหตุเป็นผล อย่างที่กล่าวอ้างกัน เป็นเพียงการสร้างวาทกรรมผ่านภาษา เพียงเพื่อครอบงำสังคมอื่นเพื่อชิงความได้เปรียบในหลายปัจจัย
อ้างอิงธีรยุทธ บุญมี, โลก โมเดิร์น โพสต์ โมเดิร์น . วิญญูชน.พิมพ์ครั้งที่ 4.กรุงเทพฯ : 2550
อ้างอิงธีรยุทธ บุญมี, โลก โมเดิร์น โพสต์ โมเดิร์น . วิญญูชน.พิมพ์ครั้งที่ 4.กรุงเทพฯ : 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น